เป็นเหมือนกันมั้ย? เวลาพูดถึงประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แล้ว มักคิดว่ามีความคุ้มครองให้แบบจัดเต็ม ไม่ว่ากรณีไหนก็เคลมได้ ถ้าคิดแบบนี้อยู่ให้ลองทำความเข้าใจใหม่ก่อนว่าประกันชั้น 1 ไม่ได้คุ้มครองทุกอย่าง บางกรณีประกันไม่จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการทำผิดกฎจราจร การใช้รถผิดกฎหมายและข้อยกเว้นอื่น ๆ อีก เดี๋ยว heygoody พาไปดูกันแบบละเอียด ๆ เลยว่าประกันชั้น 1 ไม่คุ้มครองอะไรบ้าง จะได้รักษาสิทธิ์พร้อมกับใช้ประกันได้แบบคุ้มค่า ไม่เสียค่าเบี้ยฟรี ๆ
ไม่อยากจ่ายค่าเบี้ยประกันแพง ๆ แต่ใช้ไม่คุ้ม ต้องทำความเข้าใจกับ 8 พฤติกรรมการขับรถที่ประกันชั้น 1 ไม่ยอมจ่ายแน่นอนเมื่อขอเคลม โดยส่วนมากแล้วเป็นพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายจราจรอยู่แล้วดังต่อไปนี้
สายดื่มทั้งหลายรู้กันดีว่าการขับขี่ในขณะเมาหรือหลังจากดื่มนั้นผิดกฎหมาย และแน่นอนว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้น ประกันชั้น 1 ไม่ให้ความคุ้มครอง นอกจากนี้คดีเมาแล้วขับยังมีความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ต้องได้รับโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ แถมยังมีโอกาสโดนสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ได้ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ด้วย รู้แบบนี้แล้วถ้าเมาเลือกนอนพักหรือเรียกรถกลับบ้านดีกว่า
ตามกฎหมายระบุไว้ในพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 64 ได้กำหนดเอาไว้ว่าผู้ขับขี่โดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับขี่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ถ้ามีใบอนุญาตขับขี่ แต่ไม่พกติดตัวมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วเรียกประกันมาเคลม ถึงมีประกันชั้น 1 แต่ไม่มีใบขับขี่ตามกี่กฎหมายกำหนดเอาไว้ ไม่ได้รับความคุ้มครอง เพราะถือว่าทำผิดกฎหมายนั่นเอง ดังนั้นอย่าลืมนะว่าต้องพกใบอนุญาตขับขี่ไว้กับตัวตลอด หรือถ่ายสำเนาติดรถไว้เลย
ต่อมาคือกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับบุคคลในครอบครัว เช่น พ่อลูก แม่ลูก สามีภรรยา หรือเป็นรถยนต์มีชื่อเจ้าของเดียวกัน กรณีนี้ประกันชั้น 1 ไม่รับเคลมความเสียหายให้กับคู่กรณี เพราะถือว่าไม่ใช่อุบัติเหตุเกิดขึ้นกับบุคคลภายนอก แต่ในกรณีที่รถอีกคันเป็นชื่อของลุง ป้า น้า อาหรือตา ยาย สามารถเคลมค่าเสียหายได้ตามปกติ
อีกหนึ่งกรณีที่ประกันไม่จ่ายคือมีการสลับตัวคนขับหลังจากเกิดอุบัติเหตุขึ้น เป็นเพราะผู้ขับคนแรกไม่มีใบอนุญาตขับขี่ หรือใช้ประกันที่มีการระบุชื่อคนขับ กรณีนี้นอกจากประกันไม่คุ้มครองแล้ว ยังถือว่ามีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน
หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
แน่นอนว่าการใช้รถเพื่อก่อการร้าย หรือเพื่อขนส่งสิ่งผิดกฎหมาย ไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันภัยเช่นกัน ไม่ใช่แค่เพียงประกันภัยชั้น 1 แต่ประกันภัยรถยนต์ทุกรูปแบบไม่ให้เคลมทุกกรณี เพราะผิดกฎหมายตั้งแต่แรกแล้วนั่นเอง
สุดท้ายคือการนำรถยนต์ไปใช้นอกเขตที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ เช่น ขับรถไปจากประเทศไทยไปเที่ยวประเทศลาว แล้วไปเกิดอุบัติเหตุในเขตของประเทศลาว กรณีนี้ ประกันชั้น 1 ไม่รับเคลม เพราะถือว่าอยู่นอกเขตความคุ้มครองของกรมธรรม์ที่ทำเอาไว้ ถ้ารู้ตัวว่าต้องนำรถยนต์ออกนอกเขตคุ้มครอง อย่าลืมมองหาประกันภัยรถยนต์อีกฉบับเอาไว้เพื่อดูแล
การนำรถยนต์ไปแข่งความเร็วภายในสนามถูกต้องตามกฎหมาย หรือแข่งขันบนท้องถนนโดยผิดกฎหมาย เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น ประกันไม่คุ้มครองความเสียหาย เพราะถือว่าเป็นการขับขี่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุและความเสียหาย
ถ้าเราใช้รถยนต์ของเราไปลากจูงรถยนต์คันอื่นต้องการความช่วยเหลือ แล้วเกิดความเสียหายต่อรถยนต์หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ประกันภัยชั้น 1 ไม่ทำการค่ายค่าเสียหายในทุกกรณี เพราะถือว่าเป็นการใช้รถยนต์ผิดประเภท
เชื่อมั้ยว่า บางทีมีผู้ขับขี่พยายามจัดฉากอุบัติเหตุขึ้นเพื่อเอาเงินค่าเสียหายจากทางประกัน เรียกว่า “การแจ้งเคลมประกันเท็จ” แน่นอนว่าเคลมไม่ได้แน่นอน แล้วถามว่าบริษัทประกันรู้ได้ยังไงว่าผู้ขับขี่แจ้งเคลมประกันเท็จรึเปล่า ต้องอธิบายว่าการเคลมประกันรถยนต์มี 2 แบบ คือแบบสดและแบบแห้ง ในกรณีการเคลมแบบสด คือตัวแทนประกันมายังสถานที่เกิดเหตุ ผู้ขับขี่และคู่กรณีต้องเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียด โดยตัวแทนประกันบันทึกข้อมูลไว้และส่งต่อให้กับทีมที่เกี่ยวข้องตรวจสอบในขั้นตอนต่อไป ในส่วนของการเคลมแห้งผู้ขับขี่เอารถไปเคลมหลังจากเกิดอุบัติเหตุ แล้วให้ข้อมูลไม่สมเหตุสมผลอาจทำให้โดนระบุได้ว่าเป็นการแจ้งเคลมเท็จ
การกระทำนี้ นอกจากจะไม่ได้รับค่าเสียหายจากบริษัทประกันแล้ว ยังถือว่าผิดกฎหมายด้วยเช่นกัน เช่น การแจ้งความว่ารถยนต์หาย จริง ๆ แล้วไม่ได้ถูกโจรกรรมไป หรือการแจ้งด้วยการเปลี่ยนแปลงผู้ขับขี่ ถ้าไม่อยากโดนส่งฟ้องและมีปัญหาตามมาให้ข้อมูลตามจริงกับเจ้าหน้าที่เป็นการดีที่สุด
ปิดท้ายกันด้วยวิธีเคลมประกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นกันสักหน่อยดีกว่า อย่างที่พูดถึงไปในหัวข้อก่อนหน้าว่าการเคลมประกันมี 2 แบบด้วยกัน แตกต่างกันที่เวลาในการเคลมความเสียหาย
การเคลมทันทีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นเรียกอีกอย่างว่า การเคลมสด มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันเดินทางมายังจุดเกิดเหตุเพื่อบันทึก ประเมินความเสียหายและไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีให้ หลังจากนั้นผู้ขับขี่จะได้ใบเคลมมาเพื่อนำไปส่งมอบให้กับอู่รถยนต์ในเครือของบริษัทประกันในภายหลัง
การเคลมแบบนี้ส่วนมากเป็นอุบัติเหตุแบบที่ไม่มีคู่กรณี เช่น การขับรถชนกำแพง ถอยรถชนเสาไฟและอื่น ๆ โดยเรียกว่าเป็นการเคลมแห้ง สิ่งที่ผู้ขับขี่ต้องทำหลังเกิดอุบัติเหตุคือถ่ายภาพ วิดีโอหรือเก็บหลักฐานที่เกี่ยวข้องเอาไว้ เพื่อส่งเคลมกับทางบริษัทอีกครั้ง เพราะถ้าไม่มีข้อพิสูจน์ว่าเกิดจากอุบัติเหตุจริง บริษัทสามารถปฏิเสธการเคลมได้
เข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ประกันชั้น 1 ไม่คุ้มครองไปแล้ว ถึงเวลาที่ตัดสินใจเลือกซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่เหมาะสมกับการขับขี่ของตัวเองแล้วล่ะ ก่อนซื้อประกันภัยรถยนต์ อย่าลืมเปรียบเทียบราคา ข้อเสนอ ความคุ้มครองและบริการหลังการขายให้ดี เพื่อได้เลือกประกันที่คุ้มค่ามากที่สุดให้กับตัวเองได้ แอบกระซิบว่า ถ้าเลือกซื้อประกันกับ heygoody นอกจากเปรียบเทียบราคาได้แล้ว ยังสามารถผ่อนจ่ายได้ จ่ายเงินได้หลากหลายช่องทาง แถมยังเริ่มต้นคุ้มครองทันทีด้วย!