การทำประกันช่วยให้เจ้าของรถยนต์มีความมั่นใจเป็นเท่าตัว เหมือนมีคนคอยซัพพอร์ตเมื่อเกิดเหตุในระหว่างขับขี่ ช่วยจัดการความยุ่งยากต่าง ๆ ให้ง่ายขึ้น และช่วยแบ่งเบาค่าเสียหายทั้งรถเราและคู่กรณีได้เป็นอย่างมาก โดยประกันชั้น 2+ ถือเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ชั้น 1 จากความคุ้มครองที่ใกล้เคียงกันมาก ๆ แถมค่าเบี้ยน้อยกว่าหลายพัน แต่หลายคนอาจสงสัยว่าประกันชั้น 2+ ไม่มีคู่กรณีเรียกเคลมได้มั้ย วันนี้ heygoody จะเล่าให้ฟังว่าข้อจำกัดของประกันชั้น 2+ มีอะไรบ้าง และกรณีไหนที่เคลมได้
ความคุ้มครองของประกันชั้น 2+ คล้ายกับประกันชั้น 1 และเหมาะกับรถอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ขับใช้รถคล่องแคล่วระดับหนึ่ง เกิดอุบัติเหตุน้อย รับผิดชอบค่าซ่อมสีเล็กน้อยเองได้ ส่วนรายละเอียดความคุ้มครองขอแบ่งเป็น 3 ประเด็นหลักดังนี้
ประกันชั้น 2+ ให้ครอบคลุมค่าเสียหายต่อตัวรถยนต์ของเราและคู่กรณี รวมทั้งอุปกรณ์ตกแต่งที่ติดรถด้วย คุ้มครองเหมือนกันประกันชั้น 1 แต่ต้องเป็นเหตุรถชนกันเท่านั้น ส่วนมากให้ทุนประกันเริ่มต้น 100,000-300,000 บาทต่อครั้งตามเงื่อนไขกรมธรรม์ที่เลือกซื้อ
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของบุคคลภายนอก(คู่กรณี) ผู้โดยสาร และค่าชดเชยอุบัติเหตุ 50,000-100,000 บาทต่อคน ครอบคลุมค่าประกันตัวของผู้เอาประกันเมื่อเกิดคดีความสูงสุด 200,000-250,000 บาท นอกจากนี้ยังมีค่าชดเชยเพิ่มเติมได้ เช่น เงินปลอบขวัญ เงินช่วยเหลือครอบครัวคู่กรณี เงินช่วยเหล่าค่าเดินทางเมื่อรถอยู่ในระหว่างซ่อมบำรุง เป็นต้น
ครอบคลุมความรับผิดชอบในกรณีรถสูญหายหรือถูกโจรกรรม และรถถูกไฟไหม้ส่วนใหญ่ให้ทุนประกัน 100,000-300,000 บาท ส่วนความคุ้มครองอื่น ๆ เพิ่มเติมอย่างภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุ ลูกเห็บ ภัยก่อการร้าย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทว่าให้การชดเชยยังไงบ้าง
ประกันชั้น 2+ ไม่มีคู่กรณี “เคลมไม่ได้” ไม่ว่าจะเป็นการเฉี่ยวฟุตปาธ โดนกระถางต้นไม้ มีรอยแมวข่วน ถือเป็นเหตุที่ไม่อยู่ในเงื่อนของกรมธรรม์ เป็นเรื่องเดียวที่ทำให้ประกันชั้น 2+ ต่างจากประกันชั้น 1 ครอบคลุมการเคลมแบบไม่มีคู่กรณีทุกประเภทเล็กใหญ่รับจบหมด ผู้ขับขี่ต้องรับผิดชอบค่าซ่อมด้วยตัวเองเหมือนกับประกันชั้น 2 และ 3+ ดังนั้นไม่ประมาทดีที่สุด
รถชนเสาไฟฟ้าก็เคลมไม่ได้ เพราะประกันชั้น 2+ ไม่มีคู่กรณียังไงก็เคลมไม่ได้ ผู้ขับขี่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายกับทางภาครัฐด้วยตัวเอง ค่าปรับเฉพาะเสาไฟฟ้าอยู่ที่ 3,200-42,000 บาท ขึ้นอยู่กับความเสียหายของตัวเสาไฟฟ้าจากการประเมินหน้างานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินราชการอีกหลายอย่างที่มีค่าปรับแบบจุก ๆ เหมือนกัน เช่น แบริเออร์กั้นทางค่าปรับประมาณ 800-15,000 บาท ต้นไม้ของหลวงปรับตั้งแต่ 2,000 บาทเป็นต้นไปขึ้นอยู่กับขนาดและชนิดของต้นไม้ ป้ายจราจรป้ายละ 1,000-2,000 บาท เป็นต้น ถ้าไม่จ่ายค่าปรับผิดกฎหมายอาญา มาตรา 360 ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เห็นค่าปรับกับบทลงโทษแล้ว heygoody ขอแนะนำว่าขับอย่างระมัดระวังและรอบคอบเอาไว้ดีกว่า ถึงประกันชั้น 1 รับเคลมแต่มีผลต่อค่าเบี้ยปีถัดไปแน่นอนและเสียประวัติตัวเองอีกด้วย
ประกันชั้น 2+ เลือกซ่อมอู่หรือซ่อมศูนย์ได้หมด แต่มีเงื่อนไขสำหรับรถที่ต้องการซ่อมศูนย์ต้องมีอายุไม่เกิน 5 ปี ถ้าเกินกว่านั้นส่วนใหญ่บังคับให้เลือกซ่อมอู่ในเครือของบริษัทประกันภัยอย่างเดียว อู่ในเครือทุกแห่งผ่านการรับรองมาตรฐานและคุณภาพงานซ่อมทั้งหมด ไม่ต้องกังวลว่าได้อู่ไม่ดีเพราะประกันทุกเจ้าเขาคัดมาให้แล้ว
ความคุ้มครองของประกันชั้น 2 ทั่วไป เน้นการช่วยแบ่งเบาค่าเสียหายของคู่กรณีมากกว่าทั้งค่าซ่อมรถ ทรัพย์สินภายในรถ ค่ารักษาพยาบาล ค่าอุบัติเหตุ ค่าชดเชยต่าง ๆ ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบค่าซ่อมบำรุงรถตัวเองทั้งหมด แต่ประกันชั้น 2+ เป็นการเสริมเรื่องความคุ้มครองทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัยเข้ามาด้วย ทำให้เป็นทางเลือกที่อยู่ในช่องว่าระหว่างประกันชั้น 1 และชั้น 2 ได้ค่าเบี้ยประกันใกล้เคียงกับชั้น 2 ธรรมดา แต่คุ้มครองระดับน้อง ๆ ชั้น 1
ถึงประกันชั้น 2+ ไม่มีคู่กรณีเคลมไม่ได้ แต่ความคุ้มครองได้รับทั้งฝั่งของตัวผู้เอาประกันภัยและคู่กรณีถือเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะค่าเบี้ยประกันเฉลี่ยอยู่ปีละ 6,000-9,000 บาทเท่านั้น มีแพ็กเกจระยะสั้น 90-180 เดือน และคิดเหมาแบบรายชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท ใครกำลังมองหาตัวเลือกที่ใกล้เคียงชั้น 1 ในราคาประหยัด heygoody มาพร้อมกับกรมธรรม์ประกันชั้น 2 บวกจากบริษัทชั้นนำมากถึง 17 ราย เปรียบเทียบเงื่อนไขและความคุ้มครองได้ตามต้องการ ผ่อนแบบ 0% ก็ได้ไม่มีปัญหา
การันตีความสำเร็จ จากเวทีระดับโลก
ดูรางวัลทั้งหมด