ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยกำลังคึกคัก และสองรุ่นที่กำลังมาแรงไม่แพ้ใครคือ MG EP และ MG4 จาก MG ค่ายรถสัญชาติอังกฤษที่มาพร้อมกับนวัตกรรมล้ำสมัยในราคาไม่ถึงล้าน วันนี้ heygoody จะพาเหล่ากู๊ดดี้มาเจาะลึกทุกรายละเอียดของรถทั้งสองรุ่น เพื่อดูว่าใครจะเป็นผู้ชนะในศึกนี้!
MG EP เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นที่สองของ MG ที่เข้ามาทำตลาดในบ้านเรา มาในรูปแบบ Compact SUV ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ทันสมัยสไตล์ Station Wagon MG EP ภายในกว้างขวาง เบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ทำให้มีพื้นที่ความจุสัมภาระสูงสุดถึง 1,456 ลิตร มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทันสมัย ทำให้การขับขี่สะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น
MG4 หรือที่รู้จักกันในชื่อ MG4 Electric เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดของ MG ถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์ม Nebula Pure Electric Platform นวัตกรรมที่พัฒนามาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ จุดเด่นของรุ่นนี้ คือเป็นระบบขับเคลื่อนแบบ RWD หรือขับเคลื่อนล้อหลัง กระจายความสมดุลได้อย่างทั่วถึง ถูกใจสายสปอร์ตแน่นอน นอกจากนี้ คนที่ได้มีโอกาสไปลอง Test Drive ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ฟีลลิ่งการขับขี่ดีแม้ในย่านความเร็วสูงและการเข้าโค้ง
มาถึงช่วงไฮไลต์กันแล้ว! เรามาดูกันว่า MG EP และ MG4 ใครจะเหนือกว่ากันในด้านต่าง ๆ
MG EP ที่ขายในปี 2024 มีรุ่นเดียวคือ MG EP Plus มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor มีกำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ หรือกำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร
ในขณะที่ MG4 ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor เช่นกัน แต่ให้กำลังสูงสุด 125 กิโลวัตต์ หรือ 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร
ในแง่ของขุมพลัง ถือว่ายังไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นัก แต่ถ้าถามว่าใครเหนือกว่า ก็คงต้อง MG4
มิติตัวถัง MG EP
มิติตัวถัง MG4
ด้วยรูปทรง Compact SUV ของ MG EP ทำให้มีพื้นที่ภายในกว้างขวางกว่า เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมาก ส่วน MG4 จะเหมาะกับคนเมืองที่ต้องการความคล่องตัวในการขับขี่มากกว่า
ที่มารูปภาพ : MG Thailand
MG EP ภายในเน้นความหรูหรา ประณีต ตกแต่งด้วยสีดำล้วน
ที่มารูปภาพ : MG Thailand
MG4 ภายในเน้นความสปอร์ตแต่มินิมอล เท่แต่ดูเรียบง่าย ตกแต่งภายใน MG 4 สีทูโทนเทา-ดำ
การเลือกระหว่างสองรุ่นนี้จึงขึ้นอยู่กับรสนิยมและสไตล์การใช้งานของเหล่ากู๊ดดี้แต่ละคนเลย ส่วนฟังก์ชันภายในอื่น ๆ เช่น ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ช่องต่อ USB กระจกไฟฟ้าแบบ One-touch หรือกระจกมองหลังตัดแสง จะมีทั้งสองรุ่น
MG EP ราคาอย่างเป็นทางการ
MG4 ราคาอย่างเป็นทางการ
จากราคาปกติจะเห็นว่า MG4 EV ราคาเริ่มต้นถูกกว่า และเมื่อเทียบกับขุมพลัง มิติตัวถังภายนอก ภายในห้องโดยสารถือว่าถูกและคุ้มค่าที่สุดสำหรับผู้ที่เริ่มต้นใช้งานรถไฟฟ้า 100% เลย
เหล่ากู๊ดดี้มักมีคำถามมากมายเกี่ยวกับรถทั้งสองรุ่น มาดูกันว่ามีคำถามอะไรบ้างที่พบบ่อย
MG EP ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ซึ่งถือว่าแรงพอสมควรสำหรับรถในเซ็กเมนต์นี้ สามารถตอบสนองการใช้งานในเมืองได้ดี และมีอัตราเร่งที่ดีพอสำหรับการขับบนทางด่วน
MG EP Plus เป็นรุ่นอัปเกรดจาก MG EP รุ่นปกติ และเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานด้วยราวหลังคา (Roof Rail) ที่สามารถรองรับน้ำหนักได้สูงสุด 75 กก. ระบบกรองอากาศ PM 2.5 และแผ่นปิดห้องเครื่องยนต์ด้านหน้า
MG EP และ MG EP Plus วิ่งจริงได้ประมาณ 320-350 กม. ส่วน MG4 วิ่งจริงได้ประมาณ 350 กม. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน
MG EP รับประกันแบตเตอรี่ นานถึง 8 ปี หรือ 180,000 กม. ส่วน MG4 MG ประเทศไทย พึ่งประกาศรับประกันแบตเตอรี่ รถไฟฟ้า 100% ตลอดอายุการใช้งาน ไม่จำกัดระยะทาง!
เมื่อเทียบกันแล้ว MG EP และ MG4 ต่างก็มีจุดเด่นของตัวเอง โดย MG EP เหมาะกับครอบครัวที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมาก ในขณะที่ MG4 เหมาะกับวัยรุ่น วัยทำงาน หรือคนเมืองที่ต้องการความคล่องตัวและสมรรถนะที่ดีกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของเหล่ากู๊ดดี้แต่ละคนเลย
ไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน การทำประกันรถยนต์ไฟฟ้าก็เป็นสิ่งสำคัญ เหล่ากู๊ดดี้มาเช็คและเปรียบเทียบประกันรถไฟฟ้าที่เว็บไซต์ heygoody ได้เลย เรารวมแผนประกันราคาดี ความคุ้มครองจัดเต็มมาให้เลือกหลากหลาย ครอบคลุมทั้งตัวรถและแบตเตอรี่ ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างอุ่นใจยิ่งขึ้น!
ที่มา : one2car และ headlightmag
การันตีความสำเร็จ จากเวทีระดับโลก
ดูรางวัลทั้งหมด