ในปัจจุบันรถยนต์ที่โลดแล่นบนท้องถนนมีหลายประเภท ทั้งรถยนต์น้ำมันที่เราคุ้นเคยกันดี หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่ดูจะฮอตฮิตในบ้านเราขึ้นทุกวัน แต่เหล่ากู๊ดดี้รู้มั้ยว่า นอกจากรถยนต์ 2 ประเภทนี้แล้ว ยังมีรถยนต์อีกประเภท นั่นก็คือ รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน นวัตกรรมใหม่ที่น่าจับตามองในยุคที่น้ำมันแสนแพง โดย heygoody จะพาไปทำความรู้จักกับรถยนต์ชนิดนี้ มาดูกันว่าจะน่าสนใจยังไงบ้าง?
รถยนต์พลังงานไฮโดรเจนคือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจน ซึ่งถูกแปลงให้เป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนตัวรถ ซึ่งไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงที่ปลอดคาร์บอนและหมุนเวียนได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่มีการปล่อยมลพิษ สิ่งที่รถยนต์พลังงานไฮโดรเจนปล่อยออกมามีแค่ไอน้ำเท่านั้น จึงเป็นรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุด
รถยนต์พลังงานไฮโดรเจนมีถังเก็บไฮโดรเจนแรงดันสูง ไฮโดรเจนจะถูกส่งไปยังเซลล์เชื้อเพลิง เมื่อไฮโดรเจนผสมกับออกซิเจน จะเกิดปฏิกิริยาเคมีและเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า ความร้อน และน้ำ ซึ่งพลังงานไฟฟ้าจะถูกป้อนให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อนำไปใช้ขับเคลื่อนตัวรถต่อไป ส่วนน้ำจะถูกปล่อยทางท่อที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งทำหน้าที่คล้ายท่อไอเสียในรถยนต์น้ำมัน แต่เปลี่ยนจากปล่อยไอเสีย เป็นไอน้ำ ไม่สร้างผลกระทบให้สิ่งแวดล้อมนั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้เหล่ากู๊ดดี้อาจสงสัยว่า รถไฮโดรเจนแตกต่างจากรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง หรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายังไง? ถ้าต้องเลือกซื้อสักรุ่นใน 3 แบบนี้จะเลือกรุ่นไหนดี? heygoody พาเปรียบเทียบทีละข้อ เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ตามไปดูพร้อมกัน
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง รถยนต์พลังงานไฮโดรเจนกับรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง หรือรถยนต์น้ำมัน
รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงใช้น้ำมันเป็นพลังงานขับเคลื่อนตัวรถ แตกต่างกับรถไฮโดรเจนที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน ซึ่งถูกแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าในภายหลังเพื่อใช้ขับเคลื่อนตัวรถ
สถานีให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงกระจายอยู่หลายจุดทั่วประเทศ น้ำมันใกล้หมดเมื่อไรก็หาที่เติมได้สะดวก จะขึ้นเหนือ ล่องใต้ก็สะดวกสบายกว่ารถไฮโดรเจน เพราะสถานที่เติมก๊าซไฮโดรเจนในบ้านเราทุกวันนี้ เรียกได้ว่าน้อยมาก มีแค่ที่เดียวคือ ปั๊ม ปตท. ใกล้สนามบินอู่ตะเภา จังหวัดชลบุรี
ทั้งรถไฮโดรเจนและรถน้ำมัน ใช้เวลาในการเติมเชื้อเพลิงใกล้เคียงกันคือ ไม่เกิน 5 นาที โดยประมาณ
ระยะทางเป๊ะ ๆ อาจบอกได้ยาก ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งขนาดถังน้ำมัน สไตล์การขับ สภาพจราจร สภาพถนน ตลอดจนการบำรุงรักษา แต่ส่วนใหญ่รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงมีระยะการขับตั้งแต่ 500-900 กิโลเมตรต่อการเติมน้ำมันหนึ่งถัง อย่าง Toyota Hilux ที่มีความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร ก็สามารถวิ่งได้ไกลถึง 960 กิโลเมตรเลยทีเดียว
สำหรับรถไฮโดรเจนมีระยะการขับโดยเฉลี่ยประมาณ 500-600 กิโลเมตร ยกตัวอย่าง รถพลังงานไฮโดรเจนรุ่น Toyota Mirai สามารถวิ่งได้ไกล 500 กิโลเมตร หรือ Hyundai Nexo รุ่นที่วิ่งได้ไกลที่สุดตอนนี้คือ 610 กิโลเมตร
เครื่องยนต์รถยนต์น้ำมันประกอบไปด้วยชิ้นส่วนมากมายหลายชิ้น ทำให้ค่าบำรุงรักษามีถูกบ้าง แพงบ้างปะปนกันไป ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ถ้าเทียบกับรถไฮโดรเจน ในตอนนี้รถยนต์น้ำมันถือว่ายังได้เปรียบ เพราะรถไฮโดรเจนยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ แม้มีจุดที่ต้องดูแลแก้ไขน้อยกว่า แต่ถ้าพังค่าอะไหล่ส่วนใหญ่จะแพงกว่า
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง รถยนต์พลังงานไฮโดรเจนกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถยนต์ไฟฟ้า
ทั้งรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน และรถยนต์ไฟฟ้าใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเหมือนกัน แตกต่างกันตรงพลังงานไฟฟ้าของรถไฮโดรเจนมาจากปฏิกิริยาระหว่างไฮโดรเจนและออกซิเจน ในขณะที่พลังงานไฟฟ้าของรถยนต์ไฟฟ้ามาจากแบตเตอรี่ที่อยู่ในตัวรถ
ถ้ามองในบ้านเรา แน่นอนว่า รถยนต์ไฟฟ้ามีความพร้อมมากกว่าเห็น ๆ ตามปั๊มน้ำมัน หรือห้างสรรพสินค้าหลายแห่งมีจุดสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ แถมยังมีแนวโน้มจะมีสถานีชาร์จเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย แต่สถานที่สำหรับเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนในไทยยังมีแค่ที่เดียวคือ ปั๊ม ปตท. ใกล้สนามบินอู่ตะเภา จังหวัดชลบุรี ซึ่งได้ร่วมมือกับค่ายรถยนต์โตโยต้าเพื่อเป็นต้นแบบสถานีเติมเชื้อเพลิงในอนาคต
รถไฮโดรเจนใช้เวลาในการเติมเชื้อเพลิงไม่เกิน 5 นาที เรียกได้ว่า ใกล้เคียงกับรถน้ำมันสุด ๆ แต่รถยนต์ไฟฟ้า EV ใช้เวลาชาร์จที่ 45-60 นาที ต่อให้เป็นการชาร์จแบบ Quick Charge ก็ปาไปเกือบๆ 20-25 นาทีอยู่ดี เพราะฉะนั้นข้อนี้ รถไฮโดรเจนได้เปรียบกว่า
รถไฮโดรเจนมีการกักเก็บก๊าซไฮโดรเจนไว้หนาแน่นในถังขนาดใหญ่ ทำให้วิ่งได้มากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องปกติ โดยมีระยะการขับโดยเฉลี่ยประมาณ 500-600 กิโลเมตร ซึ่งรุ่นที่วิ่งได้ไกลที่สุดตอนนี้เป็น Hyundai Nexo วิ่งได้สูงถึง 610 กิโลเมตรต่อก๊าซไฮโดรเจนหนึ่งถัง ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้า EV ส่วนใหญ่จะมีระยะการขับโดยเฉลี่ยประมาณ 400-500 กิโลเมตร เท่านั้น
รถไฮโดรเจนมีค่าบำรุงรักษามากกว่ารถยนต์ไฟฟ้า EV แน่นอน เพราะยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ โดยมีค่าบำรุงรักษาต่อครั้งอยู่ที่ 15,000 บาทเลยทีเดียว แต่รถยนต์ไฟฟ้า EV เฉลี่ยประมาณ 2,000 บาทต่อครั้งเท่านั้น เพราะถูกพัฒนามาหลายปีแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้าอนาคตรถไฮโดรเจนได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่าบำรุงรักษาอาจถูกลงกว่านี้
แล้วจริง ๆ รถยนต์พลังงานไฮโดรเจนมันดีหรือไม่ดีนะ? heygoody สรุปมาให้แล้วทั้งข้อดีและข้อเสีย ตามนี้เลย
รถยนต์พลังงานไฮโดรเจนนับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับสายรักษ์โลก เพราะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแทบจะ 100% แต่ต้องยอมรับว่า ตอนนี้รถยนต์น้ำมัน และรถยนต์ไฟฟ้า EV ยังเป็นต่ออยู่มาก ทั้งในแง่ของค่าใช้จ่าย ความสะดวกสบาย และการเข้าถึงสถานีเติมพลังงาน แต่ถ้าเหล่ากู๊ดดี้อยากลองใช้รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน ก็ศึกษาข้อมูลข้างต้นเอาไว้พลาง ๆ ก่อนได้ วันไหนที่รถยนต์ไฮโดรเจนแพร่หลายในไทย จะได้ตัดสินใจเลือกให้คุ้มค่าที่สุด
ไม่ว่าจะขับรถรุ่นไหน อย่าลืมมองหาประกันภัยรถยนต์ไว้ติดรถยนต์คันโปรดเพื่อความอุ่นใจตลอดเส้นทาง ถ้าไม่รู้จะซื้อประกันภัยรถยนต์ที่ไหน ลองมาเปรียบเทียบแผนประกันจากบริษัทประกันชั้นนำได้ที่ heygoody ทั้งประกันภัยรถยนต์ทั่วไป และประกันรถยนต์ไฟฟ้า ถูกใจเจ้าไหน ซื้อเองได้ 24 ชม. สะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!
ที่มา : ธนาคารกรุงเทพ และไทยรัฐออนไลน์
การันตีความสำเร็จ จากเวทีระดับโลก
ดูรางวัลทั้งหมด