อัปเดตครบ BYD Seal 2025 มีกี่รุ่น ราคาเท่าไหร่

วงการรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเดือดอีกครั้ง เมื่อ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำจากจีนเปิดตัว BYD Seal รุ่นปี 2025 อย่างเป็นทางการในประเทศจีน มาพร้อมกับการอัปเกรดครั้งใหญ่ทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยที่น่าตื่นตาตื่นใจ heygoody ไม่รอช้า ขอพาเหล่ากู๊ดดี้ไปส่องกันว่า BYD Seal 2025 มีอะไรใหม่ มีกี่รุ่น และราคาเท่าไหร่กันบ้าง?

รู้จัก BYD Seal

เจ้าแมวน้ำ BYD SEAL สุดโฉบเฉี่ยว เป็นรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมสปอร์ตซีดานที่ได้รับความนิยมในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยดีไซน์ที่สวยงามทันสมัย สมรรถนะที่โดดเด่น และเทคโนโลยีล้ำสมัย ทำให้ BYD Seal ถือเป็นคู่แข่งกระทบไหล่ Tesla Model 3 ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมเลยทีเดียว โดย BYD Seal ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด "Ocean Aesthetics" ที่ได้แรงบันดาลใจจากความงามของมหาสมุทร

ส่องสเปค BYD Seal 2025 มีอะไรเปลี่ยนบ้าง

BYD Seal เพิ่งเปิดตัวรุ่นปี 2025 ที่ประเทศจีนอย่างเป็นทางการ โดยยังคงใช้ชื่อรุ่น Seal เพียว ๆ ต่อไป ส่วนเปคจะมีอะไรใหม่บ้าง ตามไปดูพร้อมกัน

รุ่นที่วางจำหน่าย

BYD Seal 2025 มีให้เลือกถึง 4 รุ่นย่อย ดังนี้

• 510 Standard Edition
• 650 Long Range Edition
• 650 Intelligent Driving Edition
• 600 4WD Intelligent Driving Edition

สถาปัตยกรรม e-Platform 3.0 EVO

BYD Seal ล่าสุด ได้อัปเกรดสถาปัตยกรรมสู่ e-Platform 3.0 EVO ซึ่งเป็นการยกระดับเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าของ BYD ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น และมีการปรับโมดูลจาก 8-in-1 เป็น 12-in-1 ตัวแรกของโลก ซึ่งหมายถึงการรวมระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เช่น มอเตอร์ขับเคลื่อนไฟฟ้า เทคโนโลยีชาร์จเร็วพิเศษ และระบบระบายความร้อน ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของรถดีขึ้น

อีกหนึ่งความปังของแพลตฟอร์มนี้ คือการยกระดับระบบไฟฟ้าจาก 400 โวลต์ เป็น 800 โวลต์ ส่งผลให้การชาร์จแบตเตอรี่เร็วขึ้น จาก 10% - 80% ได้ในเวลาเพียง 25 นาที 

เทคโนโลยี LiDAR เสริมสมรรถนะการขับขี่

BYD Seal EV 2025 มาพร้อมกับเทคโนโลยี LiDAR (Light Detection and Ranging) ซึ่งติดตั้งอยู่บนหลังคารถ ช่วยให้รถสามารถตรวจจับสิ่งแวดล้อมรอบตัว สิ่งกีดขวาง วัตถุ คนเดินเท้า หรือรถยนต์คันอื่นได้อย่างแม่นยำ โดย LiDAR จะทำงานร่วมกับระบบช่วยขับ DiPilot 300 ทำให้ BYD Seal 2025 มีความปลอดภัยและสะดวกสบายในการใช้งานมากยิ่งขึ้น

ขุมพลัง BYD Seal 2025

ที่มารูปภาพ : CARSCOOPS

BYD Seal 2025 มีความจุแบตเตอรี่ 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 61.44 kWh ให้ระยะทาง 510 กม. และขนาด 80.64 kWh ให้ระยะทาง 650 กม. ตามมาตรฐาน CLTC ส่วนระบบส่งกำลัง แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ

• รุ่น 510 Standard Edition มอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวที่ล้อหลัง กำลัง 170 กิโลวัตต์ 228 แรงม้า
• รุ่น 650 Long Range Edition มอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวที่ล้อหลัง กำลัง 230 กิโลวัตต์ 308 แรงม้า
• รุ่น Intelligent Driving Edition ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ กำลัง 390 กิโลวัตต์ 523 แรงม้า

การออกแบบภายใน

ที่มารูปภาพ : CARSCOOPS

สำหรับรุ่น 2025 ยังคงรักษาเอกลักษณ์การออกแบบภายนอกที่โดดเด่นไว้ได้เป็นอย่างดี โดยมีการปรับปรุงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความทันสมัย เช่น การเปลี่ยนโลโก้ด้านหลังจาก "Build Your Dreams" เป็นเพียง "BYD" และการเพิ่มสีใหม่อย่าง Sky Purple ให้เลือก

ส่วนภายในห้องโดยสาร โดดเด่นด้วยพวงมาลัยสี่ก้านแบบแบน คอนโซลกลางดีไซน์ใหม่ที่ดูเรียบง่ายขึ้น พร้อมกับหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ที่ยังคงสามารถหมุนได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ส่วนที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายก็ยังมีมาให้ มอบความสะดวกสบายระดับพรีเมียม

มิติตัวถัง

ที่มารูปภาพ : CARSCOOPS

BYD Seal ขนาดและมิติตัวรถยังคงเหมือนเดิม คือ

• ความยาว 4,800 มิลลิเมตร
• ความกว้าง 1,875 มิลลิเมตร
• ความสูง 1,460 มิลลิเมตร
• ความยาวฐานล้อ 2,920 มิลลิเมตร

BYD Seal ราคาเท่าไหร่

สำหรับรุ่น 2025 BYD Seal ราคาจำหน่ายที่จีนจะอยู่ที่

• 510 Standard Edition 175,800 หยวน ประมาณ 860,000 บาท
• 650 Long Range Edition 189,800 หยวน ประมาณ 928,000 บาท
• 650 Intelligent Driving Edition 216,800 หยวน ประมาณ 1,060,000 บาท
• 600 4WD Intelligent Driving Edition 239,800 หยวน ประมาณ 1,173,000 บาท

ทำประกันรถยนต์ให้ BYD Seal คู่ใจ ขับขี่มั่นใจตลอดเส้นทาง

BYD Seal 2025 เป็นการอัปเกรดที่น่าสนใจสุด ๆ สาวกแมวน้ำในไทยก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่า BYD Seal 2025 จะมีเวอร์ชันประกอบในไทยหรือไม่ และราคาจะเป็นยังไง แต่ใด ๆ ก็ตาม ถ้าเหล่ากู๊ดดี้สนใจจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า อย่าลืมทำประกันรถยนต์ไฟฟ้าด้วยนะ จะได้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจและอุ่นใจมากขึ้น 

heygoody แหล่งรวมประกันรถไฟฟ้าสุดคุ้ม ไม่ว่า BYD รุ่นไหน BYD Atto3, BYD Seal หรือ BYD Dolphin ก็แวะมาเลือกซื้อประกันกับเราได้ เช็คเบี้ยประกันได้เองตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมผ่อนชำระ 0% ได้ทั้งบัตรเครดิตและเงินสด ซื้อปุ๊บ คุ้มครองปั๊บ ปังขนาดนี้ เหล่ากู๊ดดี้ห้ามพลาด!

ที่มา : MOTORTRIVIA, HeadlightMag และ Colourcarcenter