การมาของรถไฟฟ้า MG ทำให้รถยนต์แทบทุกค่ายในตลาดประเทศไทย พัฒนาและผลักดันเทคโนโลยีของตัวเองให้มีเอกลักษณ์ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ สิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย และเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก โดยแบรนด์ขวัญใจมหาชนอย่าง “MG” หรือ Morris Garages ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้นำเทรนด์อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเราให้มีความคึกคักแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จุดเริ่มต้นของแบรนด์ MG หรือ Morris Garages คือรถยนต์แบรนด์แรกของประเทศอังกฤษ ก่อตั้งบริษัทครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1924 หรือเมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว ในอดีตรถยนต์ MG มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากรถสปอร์ตเปิดประทุนสุดคลาสสิกและมีการผลิตรถยนต์รุ่นต่างๆ มาทำตลาดทั่วโลกอยู่เสมอ จนมาถึงปัจจุบัน MG ได้ก้าวเข้ามาเป็น 1 ในผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการยานยนต์ด้วยรถไฟฟ้าคุณภาพสูงที่มีราคาจับต้องได้
วันนี้ heygoody จะมาแนะนำกับรถไฟฟ้า MG รุ่นที่น่าจับตามองที่สุดของปี 2023 นี้ มีรุ่นไหนน่าใช้ สเปคไหนน่าโดนบ้างไปดูกันเลย
เริ่มต้นรุ่นแรกกับ MG ZS EV รถยนต์ไฟฟ้า 100% ประเภท SUV ที่มาพร้อมดีไซน์โดดเด่นสะดุดตาภายใต้แนวคิด “BRIT DYNAMIC” ให้ความรู้สึกสปอร์ตหรูหราผสานกับความแข็งแกร่งที่สามารถลุยได้ทุกสถานการณ์ เป็นรถไฟฟ้า MG ที่เรียกได้ว่าลงตัวทั้งในแง่ของสมรรถนะเครื่องยนต์ ระบบการควบคุม และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ใช้งานได้จริง ส่วนของห้องโดยสารภายในมีการดีไซน์ที่เรียบหรูแฝงไปด้วยความสปอร์ตพรีเมียม
รถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์สมรรถนะสูงเหมาะสำหรับชีวิตในเมือง
หลายคนอาจมองว่ารถยนต์ไฟฟ้าไม่น่าจะแรงเท่ากับรถใช้น้ำมันทั่วไป แต่สำหรับ MG ZS EV มีดีมากกว่านั้น เพราะมอเตอร์ไฟฟ้าของรุ่นนี้ให้กำลังมากถึง 177 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 8.6 วินาที ถือว่าแรงพอตัวเลยทีเดียว
รถไฟฟ้า MG ZS EV ราคาเริ่มต้นที่ 949,000 - 1,023,000 บาท
ถัดมากับ MG EP PLUS รถยนต์ไฟฟ้า 100% สไตล์ Wagon ถือเป็นรูปทรงตัวถังที่หาคู่แข่งเทียบได้ยากในปัจจุบันนี้ เพราะส่วนใหญ่เลือกทำในแพลตฟอร์ม Crossover หรือ SUV ขนาดเล็กไปเลย หน้าตาของ MG EP PLUS มีความเรียบหรูถูกใจวัยเก๋าและคนมีครอบครัว ออกแบบภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC เช่นเดียวกับ MG รุ่นอื่นๆ ในส่วนของภายในห้องโดยสารมีพื้นที่กว้างขวางสามารถปรับพับเบาะได้แบบ 60:40 จุสัมภาระได้เยอะเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป
รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Wagon ที่โดนเด่นทั้งดีไซน์และสมรรถนะ
สมรรถนะเครื่องยนต์ไฟฟ้าของ MG EP PLUS ถือว่ามีความแรงที่ใช้ได้เลยทีเดียวด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor รีดพละกำลังได้มากถึง 160 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่งในระยะ 0-100 ภายใน 8.8 นาที แรงไม่ต่างจากรถใช้น้ำมันทั่วไป
รถไฟฟ้า MG EP PLUS ราคาเริ่มต้นที่ 771,000 บาท*
*ราคาปกติ 998,000 บาท
**ส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ 227,000 บาท
ถัดมาในรุ่นที่ 3 กับ MG HS PHEV รถยนต์ประเภท Plug-in Hybrid เป็นการใช้งานควบคู่กันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้าชนิด Permanent Magnet Synchronous Motor ออกแบบตัวถังตามแบบรถ SUV มีดีไซน์ที่สวยงามหรูหราระดับพรีเมียมตั้งแต่ภายนอกจนถึงภายในห้องโดยสาร อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่ทันสมัยระบบช่วงล่างนุ่มนวลพร้อมเดินทางได้ทุกที่
รถยนต์ไฟฟ้า 100% รองรับด้วยระบบ Hybrid
เครื่องยนต์ Plug-in Hybrid ของ MG HS PHEV เป็นการผสมผสานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ขนาด 16.6 กิโลวัตต์ควบคู่กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟฟ้าได้แบบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ เมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันให้กำลังมากถึง 284 แรงม้า ทำอัตราแรง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.5 วินาที
รถไฟฟ้า MG HS PHEV ราคาเริ่มต้นที่ 1,299,000-1,379,000 บาท
MG4 ELECTRIC รถยนต์ไฟฟ้า 100% สไตล์แฮทช์แบ็ค 5 ประตู โดยพัฒนาบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ MG คิดค้นขึ้นมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าของทางค่ายโดยเฉพาะ ดีไซน์ตั้งแต่กระจังหน้าจนถึงไฟท้ายบอกเลยว่า “สปอร์ตโฉบเฉี่ยวและจี๊ดจ๊าด” โดนใจคนรุ่นใหม่อย่างแน่นอน ภายในห้องโดยสารมีการออกแบบที่ทันสมัยให้ความเร้าใจแบบจัดเต็ม
รถยนต์ EV สมรรถนะสูงที่โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตขั้นสุด
โดยทั่วไปรถยนต์บ้านมักจะเลือกใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า แต่สำหรับ MG4 ELECTRIC ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังช่วยให้การทรงตัวของรถมีความนิ่งทั้งในจังหวะทางตรงและทางโค้ง นอกจากนี้มอเตอร์ไฟฟ้าของ MG4 ก็เด็ดไม่แพ้ใครด้วยพละกำลังมากกว่า 170 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 ภายใน 7.7 กม./ชม. และช่วงล่างเลือกใช้ของ MacPherson Strut และช่วงล่างหลังแบบอิสระ 5-Link นุ่มสบายไม่ตึงตังเอาอยู่ทุกซอกซอยในเมือง
รถไฟฟ้า MG4 ELECTRIC ราคาเริ่มต้นที่ 869,000-969,000 บาท
มาถึงตรงนี้ทุกคนคงรู้จักกับรถไฟฟ้า MG รุ่นเด่นๆ กันไปพอสมควรแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องมองหาประกันภัยชั้น 1 ให้กับรถไฟฟ้าคันโปรดของคุณ แต่คนส่วนใหญ่มักกังวลว่าบริษัทไหนรับทำประกันให้รถไฟฟ้าค่าเบี้ยจะแพงมั้ย ค่าซ่อมโหดรึเปล่า heygoody ขอแนะนำกับเทคนิคการเลือกประกันรถยนต์ไฟฟ้าให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์และรูปแบบการขับขี่ของทุกคนอย่างลงตัวที่สุด
เรื่องความคุ้มครองคือประเด็นสำคัญที่ทุกคนมองข้ามไม่ได้ เพราะบริษัทประกันแต่ละรายให้ความคุ้มครองต่ออุบัติเหตุไม่เหมือนกัน ถ้าให้ดีควรนำรายละเอียดประกันของแต่ละเจ้ามาเปรียบเทียบกันไปเลยว่าของใครคุ้มที่สุด นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับศูนย์บริการและอู่ในเครืออีกด้วยว่ามีจำนวนที่ครอบคลุมพื้นที่ในแต่ละจังหวัดมากพอมั้ยเพราะไม่มีใครชอบถ้าเรียกประกันแล้วรอนานอย่างแน่นอน
ค่าเสียหายส่วนแรกคือจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันต้องชำระเอง โดยทั่วไปจะบริษัทประกันกำหนดไว้เริ่มต้นที่ 1,000 บาทเมื่อเคลมแบบไม่มีคู่กรณี นอกจากนี้ยังมีค่าเสียหายส่วนแรกแบบสมัครใจด้วยเช่นกัน กำหนดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้ตั้งแต่ 1,000-5,000 เป็นต้นไปทำให้ค่าเบี้ยประกันถูกลง อันนี้ขอแนะนำให้เช็กรายละเอียดจากประกันรายต่างๆ ให้ดีว่าสามารถปรับค่าเสียหายส่วนแรกได้มั้ยและมีผลต่อเบี้ยประกันยังไงบ้าง
สุดท้ายเรื่องของทุนประกันภัยอันนี้เป็นใจความสำคัญของการทำประกันภัยชั้น 1 เลย เพราะจะช่วยลดภาระค่าซ่อมได้มากกว่าซ่อมเองหลายเท่า เอาเฉพาะค่าอะไหล่ก็น่าจะแพงกว่าค่าเบี้ยประกัน 1 ปีเลยด้วยซ้ำ บริษัทประกันส่วนใหญ่จะให้ทุนประกันภัยตั้งแต่ 100,000-300,000 บาท และมีค่าเบี้ยประกันที่ต่างกันออกไป ข้อนี้แนะนำว่าให้เอาแต่ละเจ้าที่มองไว้มาเปรียบเทียบให้ถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจว่าควรทำประกันภัยชั้น 1 กับใครดี เพราะถ้าได้ทุนประกันที่ไม่ตอบโจทย์สไตล์การขับขี่ละก็ค่าซ่อมบานปลายแน่นอน
มาถึงตรงนี้แล้วก็คงจะทำให้ทุกคนรู้จักกับรถไฟฟ้า MG มากขึ้นว่ามีรุ่นอะไร หรือหน้าตาแบบไหน สมรรถนะต่างกันยังไง และคุ้มค่ามากกว่ารถใช้น้ำมันทั่วไปยังไงบ้าง บางคนอาจมองว่าราคาสูงกว่ารถใช้น้ำมันอยู่พอสมควร แต่ถ้ามองเรื่องค่าไฟฟ้าที่เฉลี่ยถูกกว่าน้ำมัน heygoody มองว่า รถไฟฟ้าเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจต่อการลงทุนในระยะยาว และใครที่มองหาประกันภัยชั้น 1 สำหรับรถไฟฟ้าที่คุ้มและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ให้ heygoody ช่วยเลือกดีกว่า เพราะพวกเรามีประกันรถยนต์ชั้นนำให้เลือกมากถึง 15 แบรนด์ เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ได้ง่าย แถมยังผ่อน 0% ได้สูงสุด 10 เดือน สะดวกครบจัดได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์คลิกเลย!