หลายคนเตรียมเดินทางในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว แต่ก็แอบกังวลเรื่องการจราจรที่แน่นขนัด ยิ่งต้องขึ้นทางด่วน ยิ่งทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้น heygoody จึงได้รวบรวมข้อมูลวันทางด่วนฟรี 2568 มาฝากให้เหล่ากู๊ดดี้วางแผนการเดินทางล่วงหน้า พร้อมประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่ในช่วงเทศกาล แถมยังสามารถหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดได้อีกด้วย!
หลายคนสงสัยว่า ค่าทางด่วนฟรีวันไหนบ้าง ในแต่ละปี จะมีประกาศให้ทางด่วนฟรีในช่วงเทศกาลสำคัญของไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา และยังช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนสายหลัก ซึ่งมีตามนี้เลย
นอกจากนี้ ช่วงหยุดยาวพิเศษอย่างปีใหม่ หรือสงกรานต์อาจมีประกาศเพิ่มระยะเวลาขึ้นทางด่วนฟรีวันหยุดอีกด้วยนะ
ในช่วงเทศกาลสำคัญ จะมีทางพิเศษ 3 เส้นทางที่ได้รับการยกเว้นค่าผ่านทางทุกครั้งในช่วงเทศกาล คือ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษอุดรรัถยา แต่สำหรับวันหยุดยาวพิเศษบางช่วง จะมีการเพิ่มเส้นทางพิเศษอีก 2 เส้นทาง มาดูรายละเอียดแต่ละเส้นทางกัน
ทางพิเศษเฉลิมมหานคร หรือทางด่วนขั้นที่ 1 เป็นทางพิเศษสายแรกของประเทศไทย มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 27.1 กิโลเมตร 19 ด่าน ประกอบด้วย 3 เส้นทางหลัก
สายดินแดง-ท่าเรือ มีระยะทาง 8.9 กิโลเมตร เริ่มจากถนนวิภาวดีรังสิต มุ่งไปทางทิศใต้ ผ่านทางแยกต่างระดับมักกะสัน และถนนสุขุมวิท ช่วงนี้เป็นทางยกระดับ และตั้งแต่ถนนสุขุมวิทจนถึงถนนพระราม 4 จะเป็นทางระดับดิน ก่อนที่จะกลับเป็นทางยกระดับอีกครั้งจนถึงทางแยกต่างระดับท่าเรือ มีด่านเก็บค่าผ่านทางทั้งหมด 6 ด่าน
สายบางนา-ท่าเรือ มีระยะทาง 7.9 กิโลเมตร เริ่มจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 34 บริเวณทางแยกต่างระดับบางนา ไปทางทิศตะวันตก เส้นทางเป็นทางราบจนถึงทางแยกต่างระดับสุขุมวิท และเป็นทางยกระดับตั้งแต่จุดนั้นไปจนถึงทางแยกต่างระดับท่าเรือ มีด่านเก็บค่าผ่านทางทั้งหมด 4 ด่าน
สายดาวคะนอง-ท่าเรือ มีระยะทาง 10.3 กิโลเมตร เริ่มจากทางแยกต่างระดับท่าเรือ ผ่านทางแยกต่างระดับบางโคล่ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะพานพระราม 9 เป็นทางยกระดับ 6 ช่องจราจร จนถึงสะพานพระราม 9 หลังจากนั้นลดลงเหลือ 4 ช่องจราจร จนสิ้นสุดที่ถนนพระรามที่ 2 มีด่านเก็บค่าผ่านทางทั้งหมด 5 ด่าน
ทางพิเศษศรีรัช หรือทางด่วนขั้นที่ 2 มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 38.4 กิโลเมตร 31 ด่าน แบ่งออกเป็น 4 ส่วนด้วยกัน เหมาะสำหรับเหล่ากู๊ดดี้ที่ต้องการเดินทางทั้งในเขตเมืองและชานเมือง
ส่วนที่ 1 มีระยะทาง 12.4 กิโลเมตร เริ่มต้นที่ถนนรัชดาภิเษก ผ่านพื้นที่ทางแยกต่างระดับพญาไท (โรงกรองน้ำสามเสน) และสิ้นสุดที่ถนนพระราม 9
ส่วนที่ 2 มีระยะทาง 9.4 กิโลเมตร เชื่อมต่อกับส่วนที่ 1 โดยเริ่มต้นที่โรงกรองน้ำสามเสน มุ่งไปทางทิศใต้ ผ่านถนนศรีอยุธยา ก่อนที่จะเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครที่บริเวณทางแยกต่างระดับบางโคล่
ส่วนที่ 3 มีระยะทาง 8 กิโลเมตร เชื่อมต่อกับส่วนที่ 1 โดยเริ่มต้นที่ถนนรัชดาภิเษก ผ่านถนนประชาชื่น มุ่งไปทางทิศเหนือ สิ้นสุดที่ถนนแจ้งวัฒนะ และเชื่อมต่อกับทางพิเศษอุดรรัถยา
ส่วนที่ 4 มีระยะทาง 8.6 กิโลเมตร เชื่อมต่อกับส่วนที่ 1 โดยเริ่มต้นที่ถนนพระราม 9 ไปทางทิศตะวันออก ตัดกับทางพิเศษเฉลิมมหานครที่ทางแยกต่างระดับมักกะสัน ผ่านทางแยกต่างระดับพระราม 9 สิ้นสุดที่ถนนศรีนครินทร์
ทางพิเศษอุดรรัถยา หรือทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด มีระยะทางรวม 32 กิโลเมตร 10 ด่าน เป็นเส้นทางทางด่วนฟรีที่เชื่อมต่อจากกรุงเทพฯ ไปยังพื้นที่ทางตอนเหนือ แบ่งเป็น 2 ระยะหลัก
ระยะที่ 1 แจ้งวัฒนะ-เชียงราก มีระยะทาง 22 กิโลเมตร เริ่มต้นเชื่อมกับปลายทางพิเศษศรีรัชส่วนที่ 3 ที่บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ผ่านเมืองทองธานี เป็นทางยกระดับแบบ 4 ช่องจราจร ก่อนที่จะลดระดับเป็นทางราบเมื่อเข้าสู่อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก
ระยะที่ 2 เชียงราก-บางไทร มีระยะทาง 10 กิโลเมตร เชื่อมต่อกับระยะที่ 1 ที่ถนนเชียงราก จากนั้นจะโค้งไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเข้าสู่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสิ้นสุดที่ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ) บริเวณกิโลเมตรที่ 79
ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) เป็นอีกหนึ่งทางด่วนฟรีที่เปิดให้บริการเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ มีระยะทางรวม 22.5 กิโลเมตร เชื่อมต่อกับถนนกาญจนาภิเษกด้านใต้
เส้นทางเริ่มต้นจากถนนสุขสวัสดิ์ บริเวณอำเภอพระประแดง ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะพานกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ผ่านถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ และถนนเทพารักษ์ ก่อนที่จะไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 34 (บางนา-บางปะกง) บริเวณทางแยกต่างระดับวัดสลุด อำเภอบางพลี ซึ่งเชื่อมต่อกับทางด่วนบูรพาวิถี
ทางพิเศษบูรพาวิถี หรือทางด่วนขั้นที่ 4 (บางนา-ชลบุรี) มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 55 กิโลเมตร เป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจรที่ซ้อนอยู่บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 34 เป็นทางด่วนฟรีที่เหมาะสำหรับเหล่ากู๊ดดี้ที่ต้องการเดินทางไปภาคตะวันออก
เส้นทางเริ่มต้นจากเขตบางนา กรุงเทพมหานคร ผ่านจังหวัดสมุทรปราการ โดยผ่านอำเภอบางพลี บางเสาธง และบางบ่อ จากนั้นเข้าสู่จังหวัดฉะเชิงเทรา และสิ้นสุดที่อำเภอเมืองชลบุรี เหล่ากู๊ดดี้ที่ต้องการเดินทางไปพัทยาหรือชายหาดทางภาคตะวันออกสามารถใช้เส้นทางนี้ได้ในช่วงทางด่วนฟรี
สำหรับวันที่ไม่ได้อยู่ในช่วงทางด่วนฟรี 2568 เหล่ากู๊ดดี้จะต้องชำระค่าผ่านทางตามปกติ โดยอัตราค่าผ่านทางพิเศษแต่ละสายมีดังนี้
| ทางด่วน | รถ 4 ล้อ | รถ 6-10 ล้อ | รถมากกว่า 10 ล้อ |
| ทางพิเศษเฉลิมมหานคร(ขึ้นอยู่กับด่าน) | 5-50 บาท | 10-75 บาท | 20-110 บาท |
| ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2)(ขึ้นอยู่กับด่าน) | 15-50 บาท | 15-90 บาท | 30-140 บาท |
| ทางพิเศษศรีรัช (วงแหวนรอบนอก)(ขึ้นอยู่กับด่าน) | 50-65 บาท | 80-105 บาท | 110-150 บาท |
| ทางพิเศษอุดรรัถยา(ขึ้นอยู่กับด่าน) | 45-55 บาท | 100-120 บาท | 150-180 บาท |
| ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์)(ขึ้นอยู่กับด่าน) | 15-55 บาท | 25-105 บาท (6 ล้อ)35-115 บาท (8-10 ล้อ) | 35-160 บาท |
| ทางพิเศษบูรพาวิถี(ขึ้นอยู่กับจุดขึ้น-ลง) | 20-80 บาท | 55-165 บาท | 80-245 บาท |
เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนทางด่วน เช่น รถยางแตก หรืออุบัติเหตุเฉี่ยวชน สิ่งแรกที่เหล่ากู๊ดดี้ควรทำคือ โทรแจ้งบริษัทประกันทันที เพื่อรายงานเหตุการณ์และขอความช่วยเหลือ บริษัทจะส่งเจ้าหน้าที่มาที่เกิดเหตุเพื่อประเมินความเสียหาย ซึ่งความคุ้มครองจะแตกต่างกันตามประเภทของประกันรถยนต์ ถ้าทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เอาไว้ก็อุ่นใจได้เลย เพราะคุ้มครองทั้งความเสียหายต่อตัวรถ ทรัพย์สิน และร่างกายของทั้งฝ่ายเราและคู่กรณี รวมถึงคุ้มครองกรณีที่ไม่มีคู่กรณีด้วยนะ
การขึ้นทางด่วนฟรี 2568 จะช่วยให้เหล่ากู๊ดดี้ประหยัดค่าใช้จ่ายและหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดได้เป็นอย่างดี แต่อย่าลืมว่าความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ดังนั้นการมีประกันรถยนต์ที่คุ้มครองครอบคลุมจะช่วยให้เดินทางได้อย่างอุ่นใจยิ่งขึ้น
heygoody โบรกเกอร์ประกันที่เข้าใจคนยุคใหม่ มีประกันรถยนต์ให้เลือกครบ ทั้งชั้น 1, 2, 2+, 3 และ 3+ ลองแวะมาเปรียบเทียบราคาประกันรถยนต์จากกว่า 15 บริษัทประกันชั้นนำได้เลย เจอแผนที่ใช่ ซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ได้ทันที ราคาดี ผ่อนสบาย ๆ 0% พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงตลอดการเดินทาง!
ที่มา : การทางพิเศษแห่งประเทศไทย
