รถกระบะเป็นยานพาหนะอเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมสูง ใครที่ใช้รถกระบะเป็นพาหนะคู่ใจ แต่ยังสงสัยว่า รถกระบะเติมลมเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม วันนี้ heygoody มีคำตอบ! การเติมลมยางรถกระบะให้พอดีเป็นเรื่องสำคัญที่หลายคนมักมองข้าม แต่ส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่ แถมยังยืดอายุการใช้งานของยางได้อีกด้วย มาดูกันว่าควรเติมลมยางเท่าไหร่ถึงจะใช่
สำหรับรถกระบะตอนเดียว รถกระบะแค็บ หรือรถกระบะ 4 ประตู ที่เน้นใช้งานทั่วไปแบบไม่ได้บรรทุกอะไรมาก ค่ามาตรฐานการเติมลมยางรถกระบะที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 35-40 PSI โดยล้อหน้าควรอยู่ที่ 35 PSI ส่วนล้อหลังประมาณ 40 PSI เพราะรถกระบะมีน้ำหนักกระจายไม่เท่ากัน ท้ายรถจะรับน้ำหนักมากกว่า การเติมลมยางให้พอดีจะช่วยให้ขับขี่ได้สมดุล ประหยัดน้ำมัน และปลอดภัยสุด ๆ
ค่า PSI (Pound-force per square inch) คือปอนด์ต่อตารางนิ้ว เป็นหน่วยวัดแรงดันลมยางที่ใช้กันเป็นมาตรฐานสากล
ถ้าต้องบรรทุกของหนัก ๆ อย่างรถกระบะขนาดใหญ่ กลุ่มรถปิคอัพ การเติมลมยางรถกระบะก็ต้องปรับให้เหมาะสมด้วย ล้อหน้ายังคงอยู่ที่ 35 PSI เหมือนเดิม แต่ล้อหลังควรเพิ่มขึ้นเป็น 45 PSI เพื่อรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ถ้าเติมลมยางไม่เหมาะกับน้ำหนักบรรทุก นอกจากดอกยางจะสึกไม่สม่ำเสมอกันแล้ว ยังทำให้ควบคุมรถยากขึ้นด้วย
แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าลมยางพอดีหรือยัง? เหล่ากู๊ดดี้ต้องลองสังเกตตอนขับ ถ้าหมุนพวงมาลัยยากกว่าปกติ แสดงว่าลมยางอ่อนเกินไป เติมเพิ่มอีก 2-3 PSI ได้เลย แต่ถ้ารถกระเด้งหรือโคลงเคลงผิดปกติ นั่นคือลมยางแข็งเกินไป ต้องลดลงสัก 2-3 PSI และถ้าต้องขับทางไกล แนะนำให้เพิ่มความดันลมยางอีก 3-5 PSI เพื่อความปลอดภัยตลอดทริป
แต่ถ้าเหล่ากู๊ดดี้อยากชัวร์ว่า เติมลมยางรถกระบะในปริมาณเท่าไหร่จะดีที่สุด ก็สามารถเช็คได้ที่คู่มือรถ หรือป้ายโลหะข้างประตูคนขับได้เลย รถกระบะบางคันอาจอยู่ตามจุดอื่น ๆ เช่น ประตูหลังขวา หรือตำแหน่งคานกลางรถ ซึ่งจะมีตัวเลขแจ้งให้ทราบว่ารถของเราควรเติมลมยางเท่าไหร่
รถกระบะกับรถเก๋งนั้นต่างกันลิบลับ เพราะโครงสร้างและน้ำหนักไม่เหมือนกัน รถกระบะออกแบบมาเพื่อรับน้ำหนักบรรทุก การเติมลมยางรถกระบะเลยต้องสูงกว่ารถเก๋งประมาณ 5-10 PSI โดยเฉพาะล้อหลังที่ต้องแบกรับน้ำหนักเยอะกว่า เพราะฉะนั้นอย่าเผลอเติมลมยางเท่ากับรถเก๋งเด็ดขาด
แค่ลมยางไม่พอดีก็ส่งผลเสียได้เพียบ มาดูกันว่าถ้าเติมลมยางผิด ๆ จะเจออะไรบ้าง
เติมลมยางรถกระบะแน่นเกินไป ทำให้ยางแข็ง หน้ายางสัมผัสถนนน้อยลง ยึดเกาะถนนแย่ลง ส่งผลให้รถเสียการควบคุม หรือการทรงตัวได้ง่าย โดยเฉพาะตอนขับบนถนนเปียกหรือเข้าโค้ง และถ้าเจอหลุมบ่อหรือสิ่งกีดขวาง ยางอาจระเบิดได้ง่าย ๆ เลยทีเดียว อันตรายมาก นอกจากนี้หน้ายางรถจะสึกหรอเร็ว โดยเฉพาะดอกยางบริเวณกลางล้อ
ลมยางอ่อนเกินไปก็ไม่ดีเหมือนกัน เพราะยางรถจะย้วยหรือผิดรูป หน้ายางรถจะสึกหรอเร็วกว่าปกติ โดยเฉพาะบริเวณไหล่ยางรถ และเกิดความร้อนสะสมภายในยางรถ นอกจากนี้ รถต้องทำงานหนักมากขึ้น ยางรับน้ำหนักรถมากขึ้น ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นตามไปด้วย เวลาขับก็จะทรงตัวและเบรกได้แย่ลง ถ้าไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนี้ อย่าลืมเช็คลมยางให้ดี ๆ
การเติมลมยางรถกระบะควรทำทุก 1-2 เดือน หรือเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ เช่น รถเอียง พวงมาลัยสั่น หรือน้ำมันหมดเร็วผิดปกติ ที่สำคัญคือต้องเช็คก่อนเดินทางไกลทุกครั้ง และปรับให้เหมาะกับการใช้งาน ไม่ว่าจะบรรทุกของหนักหรือขับทางไกล จะได้เดินทางอย่างสบายใจ
เติมลมรถกระบะให้พอดี ช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ แต่จะอุ่นใจกว่านี้ถ้าซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์คอยคุ้มครองตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่คุ้มครองครบเครื่องทั้งอุบัติเหตุ ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือรถหาย ให้เหล่ากู๊ดดี้ขับรถอย่างมั่นใจ อุ่นใจทุกเส้นทาง!
ที่มา : NEXEN TIRE และ Cockpit