อยู่ ๆ รถคู่ใจก็ดันงอแง สตาร์ทไม่ติดซะอย่างนั้น เจอแบบนี้คงสงสัยใช่มั้ยว่า เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง วันนี้ heygoody พาไปดูตัวการที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด บางทีสาเหตุอาจมาจากปัญหาเล็ก ๆ ที่เราคาดไม่ถึง หรือบางทีอาจมาจากปัญหาใหญ่ ๆ ที่ต้องรีบแก้ไข ดังนั้นอย่ารอช้า ไปดูกันเลยดีกว่าว่าเป็นเพราะอะไรบ้าง
สาเหตุสำคัญที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติดมีอะไรบ้างนั้น เราได้รวบรวมมาไว้ให้แล้ว ไปอ่านพร้อม ๆ กันเลย
แบตเตอรี่เสื่อม สาเหตุสุดคลาสสิกที่พบบ่อยที่สุด เหล่ากู๊ดดี้สามารถสังเกตอาการเสื่อมของแบตล่วงหน้าได้เลยคือ รถสตาร์ทติดยาก บิดกุญแจแล้วมีเสียงดังแชะ ๆ ส่วนมากแบตเตอรี่เสื่อมเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานครบกำหนด จอดรถทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งานนาน หรือปล่อยให้แบตเตอรี่หมดบ่อย ๆ เป็นต้น
ถ้าแบตเตอรี่เสื่อม การเปลี่ยนแบตลูกใหม่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่ถ้าจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ แนะนำให้ชาร์จแบตเตอรี่สม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อรักษาแบตเตอรี่ให้เต็มอยู่ตลอดเวลา การปล่อยให้แบตเตอรี่อ่อนจนรถสตาร์ทไม่ติด แล้วค่อยมาชาร์จเป็นความคิดที่ผิด ทำแบบนี้ระวังแบตเตอรี่เสื่อมไวไม่รู้ตัว
ใครชอบรอให้ไฟเตือนน้ำมันหมดขึ้นก่อนแล้วค่อยเติมต้องระวัง! เพราะน้ำมันหมด เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด คนใช้รถเป็นประจำควรสังเกตน้ำมันให้ดีว่า เมื่อไรถึงควรเติม ทางที่ดีไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเหลือก้นถังอยู่บ่อย ๆ จริงอยู่ว่า อาจพอใช้ขับต่อไปได้สัก 2-3 กิโลเมตร แต่ถ้าฝืนขับต่อไปเรื่อย ๆ จนเครื่องยนต์ดับแล้วล่ะก็ สตาร์ทอีกที คราวนี้ไม่ติดแน่นอน
หลายคนคงไม่ค่อยคุ้นหูกับ ปั๊มติ๊ก เท่าไรนัก เจ้าตัวนี้อยู่ในถังน้ำมัน ทำหน้าที่ดูดน้ำมันไปยังเครื่องยนต์ หมายความว่า ถ้าปั๊กติ๊กเสีย กระบวนการดูดน้ำมันจะมีประสิทธิภาพลดลงไปด้วย ส่งผลให้รถสตาร์ทไม่ติดในที่สุด
แล้วปั๊มติ๊กเสียได้ยังไง? สาเหตุมาจากการพฤติกรรมผิด ๆ ของผู้ใช้รถ ที่ชอบปล่อยให้น้ำมันในถังเหลือน้อยเกินไป ปั๊มติ๊กเลยดูดอากาศเข้ามาแทนที่น้ำมัน พอทำงานหนักขึ้นเรื่อย ๆ ก็เสื่อมสภาพนั่นเอง ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ปั๊มติ๊กเสีย เหล่ากู๊ดดี้ต้องหมั่นตรวจสอบน้ำมันในตัวถังเสมอ อย่าปล่อยให้น้ำมันใกล้หมดเป็นประจำ
ไดชาร์จเสื่อมสภาพ ทำให้จ่ายไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่ไม่ได้ เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด โดยเราสามารถสังเกตอาการผิดปกติของตัวไดชาร์จง่าย ๆ เช่น สตาร์ทรถได้อยู่ แต่แอร์ไม่เย็น ไฟหน้าเริ่มหรี่ เวลาสตาร์ทรถมีเสียงลากยาวจนกว่าเครื่องยนต์จะติด เป็นต้น เจอแบบนี้สันนิษฐานเบื้องต้นไว้เลยว่า ไดชาร์จเริ่มมีปัญหา ต้องนำรถเข้าอู่ให้ช่าง หรือผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบดีที่สุด
ต้องบอกก่อนว่า ไดสตาร์ทมีอายุการใช้งานค่อนข้างนาน เราจึงมักพบสาเหตุนี้ในรถยนต์รุ่นเก่ามากกว่ารถรุ่นใหม่ ๆ ลองสังเกตถ้าสตาร์ทรถแล้วไฟหน้าปัดยังติดครบเป็นปกติ แต่มีเสียงแชะ ๆ หรือสตาร์ทรถไม่ติดเลย เป็นไปได้สูงว่าไดสตาร์ทกำลังมีปัญหา
ระบบไฟฟ้ามีปัญหา เกิดขึ้นได้น้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิด โดยมีสาเหตุมาจากหนูเข้ามากัดสายไฟขาด กล่อง ECU หรือกล่องควบคุมเครื่องยนต์มีปัญหา สังเกตได้จากเวลาสตาร์ทรถแล้ว ระบบไฟไม่ทำงาน พ่วงแบตรถคันอื่นก็แล้ว ไฟหน้าปัดก็ยังไม่ติด แบบนี้ต้องรีบส่งให้ช่างตรวจสอบระบบไฟภายในรถ
จอดรถทิ้งไว้นาน ๆ ไม่ใช้งานเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน กลับมาใช้งานอีกที ย่อมเจอปัญหารถสตาร์ทไม่ติด ดังนั้นถ้าต้องจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ ควรหมั่นชาร์จแบตเตอรี่อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือสตาร์ทรถทิ้งไว้สัก 10 นาที สัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะช่วยป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อมได้
รู้สาเหตุรถสตาร์ทไม่ติดล่วงหน้าแล้ว หลังจากนี้ก็รับมือได้ไม่ยากอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องขับรถทางไกล เหล่ากู๊ดดี้อย่าลืมเช็ครถก่อนออกเดินทางเสมอ ป้องกันปัญหารถสตาร์ทไม่ติด ซึ่งทำให้เสียทั้งเงินและเวลาโดยไม่จำเป็น
เช่นเดียวกับอุบัติเหตุบนท้องถนน ถ้าหากเกิดขึ้นแล้ว คงไม่พ้นต้องควักกระเป๋าจ่ายเอง ดังนั้นเพื่อความอุ่นใจของเงินในกระเป๋า ควรมีประกันภัยรถยนต์ติดตัวเอาไว้ ถ้าสนใจลองเข้ามาดูได้ที่เว็บไซต์ของ heygoody เรารวมประกันภัยรถยนต์จาก 15 บริษัทชื่อดัง ผ่อนสบาย ๆ 0% ซื้อออนไลน์เองได้ 24 ชั่วโมง
ที่มา : APRTECH และเฮงลิสซิ่ง
การันตีความสำเร็จ จากเวทีระดับโลก
ดูรางวัลทั้งหมด