การขับรถขึ้นและลงเขาลาดชัน ทำเอาทั้งมือใหม่หัดขับและมือเก่าที่ไม่ชำนาญเส้นทางต่างกังวล เพราะต้องอาศัยทักษะการขับขี่และความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้เหล่ากู๊ดดี้ขับรถขึ้นเขาไปถึงที่หมายดังใจหวัง heygoody มาแนะนำวิธีขับรถขึ้นเขาให้ปลอดภัยตลอดเส้นทาง
ทางขึ้น-ลงเขาเป็นเส้นทางที่เรียกได้ว่า “ปราบเซียน” เพราะทางลาดชัน คดเคี้ยว และคับแคบแบบพอให้รถสวนกันเท่านั้น หนำซ้ำอาจมีหมอกบดบังทัศนวิสัยและน้ำค้างบนถนนทำให้รถลื่นไถลง่าย ๆ ถ้าคนขับไม่ระมัดระวัง ไม่ชินเส้นทาง หรือไม่มีความเชี่ยวชาญในการควบคุมรถมากพอ มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
เกียร์ออโต้ขับง่ายกว่าเกียร์กระปุก แค่เข้าเกียร์ D สามารถขับยาว ๆ แบบไร้กังวล คนขับโฟกัสแค่การควบคุมรถเท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่า จะขับรถขึ้นและลงเขาได้สบายใจ โดยเฉพาะมือใหม่หัดขับที่ยังไม่ชำนาญเส้นทาง
ในเส้นทางที่ชันมากให้ใช้เกียร์ D1 สลับกับ D2 พร้อมเหยียบคันเร่ง ประคองความเร็วตามจังหวะความชัน พยายามประคองรถให้อยู่ในเส้นทางของตัวเอง ขับห่างจากรถคันหน้าประมาณ 30-50 เมตร เมื่อพ้นทางลาดชันไปแล้ว ให้กลับมาใช้เกียร์ D ได้ และ ใช้เกียร์ D ได้เลยในเส้นทางที่ไม่ชันมาก แต่ไม่แนะนำให้ใช้เกียร์ D ตลอดทางขึ้นเขา เพราะจะทำให้เกียร์ร้อน
หลักการคล้ายกับขับรถขึ้นเขา ให้ใปรับไปใช้เกียร์ D2 สลับ D1 (บางรุ่นเป็นเกียร์ L) ตามระดับความชันของเส้นทางแต่ละช่วง ระหว่างทางให้แตะเบรกเบา ๆ เป็นจังหวะเพื่อชะลอความเร็ว ไม่เหยียบเบรกค้างยาว ๆ สำคัญเลยคือ ห้ามใส่เกียร์ว่างหรือเกียร์ N เด็ดขาด เพราะจะทำให้รถเสียการทรงตัว และเกิดอุบัติเหตุได้
เกียร์กระปุก หรือเกียร์ธรรมดาอาศัยความชำนาญมากกว่าเกียร์ออโต้ เพราะต้องเปลี่ยนเกียร์ตามความเร็วและเลี้ยงคลัตช์ตลอด แต่ไม่ต้องกังวลว่าขับขึ้นและลงเขายังไง เพราะ heygoody สรุปวิธีมาให้แล้ว
สำหรับรถเกียร์กระปุก ให้ใช้เกียร์ 1-2 เป็นหลัก ถ้าขับไปแล้วความเร็วรถลดลง ให้เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำเพื่อให้มีแรงฉุดรถอย่างต่อเนื่อง ในกรณีขับไปแล้วหยุดระหว่างทาง เมื่อต้องเดินทางต่อให้สตาร์ตรถแล้วเข้าเกียร์ 1 พร้อมปลดเบรกมือควบคู่กับการเร่งและยกคลัตช์ เพื่อไม่ให้รถไหลถอยหลังจนเกิดอันตราย
การขับรถลงเขาไม่ต่างกับวิธีขับรถขึ้นเขา เพราะใช้เกียร์ 1-2 เหมือนเดิม จากนั้นปล่อยให้รถไหล ไม่เหยียบคลัตช์ เพราะรถอาจไหลด้วยความเร็วสูงจนควบคุมความเร็วรถไม่ได้ และทำให้เกิดอุบัติเหตุ
heygoody สรุปข้อแนะนำเพิ่มเติมมาบอกต่อ ให้เหล่ากู๊ดดี้ขับรถขึ้นและลงเขาได้อย่างมือโปร ทั้งเกียร์กระปุกรวมถึงเกียร์ออโต้
เมื่อเข้าใกล้จุดอับสายตาอย่างทางโค้ง โดยเฉพาะโค้งหักศอกหรือทางโค้งที่มองไม่เห็นเลนสวน ให้ลดความเร็วอยู่ที่ 40-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วขับตามคันหน้าอย่างระมัดระวัง ไม่แซงเด็ดขาด ถ้าจำเป็นต้องแซงให้เลยทางโค้งไปก่อนแล้วจึงหาจังหวะแซง สิ่งสำคัญคือ มองให้ไกล กวาดสายตาไปกว้าง ๆ ตามเส้นถนน เพื่อประเมินเส้นทางเบื้องต้น
ไม่ขับเข้าไปใกล้เส้นแบ่งเลนกลางถนน พยายามขับชิดซ้ายเสมอ แนะนำให้ประคองรถให้ล้อด้านนอกเกาะไหล่ทางเอาไว้นิด ๆ เพื่อความปลอดภัย วิธีนี้ช่วยให้เราหลบหลีกทัน กรณีเจอคนขับลงเขาอย่างรวดเร็วแล้วกินเลน
เน้นย้ำกันอีกครั้งว่า การขับรถขึ้นเขาและลงเขาต้องใช้เกียร์ต่ำเสมอ ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ใช้เกียร์ D1-D2 และเกียร์กระปุกใช้เกียร์ 1–2 โดยปรับลดเกียร์ตามความชันแต่ละช่วง จำไว้เสมอว่า ห้ามใช้เกียร์ว่าง เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะทำให้รถเสียหลัก เบรกไม่อยู่ ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ไม่อยากเบรกแตก เวลาลงเขาห้ามเหยียบเบรกแช่นาน ๆ เพราะจะทำให้ผ้าเบรกร้อนและไหม้ จนเบรกไม่อยู่ได้ แนะนำให้แตะเบรกเป็นระยะ ใช้เกียร์ต่ำช่วยชะลอความเร็วของรถแทน
เมื่อเข้าใกล้ทางโค้งที่มีสันเขาบังสายตา ก่อนถึงบริเวณนั้นควรบีบแตร หรือเปิดไฟให้สัญญาณรถข้างหลัง เพื่อไม่ให้รถขับสวนขึ้นมา
ขับรถขึ้นเขาและลงเขา ไม่ยากอย่างที่คิด สิ่งสำคัญคือ การปรับลดระดับเกียร์ให้สัมพันธ์กับความชันของเส้นทางและควบคุมความเร็วรถให้สม่ำเสมอ เหล่ากู๊ดดี้ลองเอาเทคนิคดี ๆ ข้างต้นไปปรับใช้และมีสติเสมอเวลาขับรถ เพื่อให้รถวิ่งต่อเนื่องจนถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย แต่ไม่ว่าจะใช้เกียร์แบบไหน เหล่ากู๊ดดี้อย่าลืมเช็คสภาพรถยนต์รวมถึงศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทางเสมอ
นอกจากนี้การมีประกันภัยรถยนต์ครบวงจรจะช่วยให้อุ่นใจเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ถ้าไม่รู้จะซื้อประกันภัยรถยนต์ที่ไหนดี ให้ heygoody ช่วยดูแล เพราะเรามีให้เลือกกว่า 10 บริษัทประกันชั้นนำ ผ่อนสบาย ๆ 0% นึกถึงประกันภัยรถยนต์ นึกถึง heygoody
ที่มา : KAPOOK และ TOYOTA LEASING THAILAND
การันตีความสำเร็จ จากเวทีระดับโลก
ดูรางวัลทั้งหมด