การขับรถของแต่ละคนมีความชำนาญไม่เท่ากัน มือใหม่บางคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่า นอกจากประกันชั้น 1 แล้ว ประกันชั้นอื่น ๆ มีความคุ้มครองอะไรบ้าง หรือบางคนทำแต่ชั้น 1 มาตลอดจนลืมชั้นอื่น ๆ ที่อาจมีค่าเบี้ยรายปีคุ้มกว่า วันนี้ heygoody ขอพาเหล่ากู๊ดดี้ไปเปรียบเทียบประกันรถยนต์แต่ละชั้น แบบไหนเหมาะกับใครและมีจุดเด่นอะไรบ้าง เพื่อให้ได้ประกันที่เหมาะกับตัวเองที่สุด
ประกันภัยรถยนต์ในปัจจุบันมีทั้งหมด 5 ประเภท คือ ประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันรถยนต์ชั้น 2, ประกันรถยนต์ชั้น 2+, ประกันรถยนต์ชั้น 3+ และประกันรถยนต์ชั้น 3 โดยทุกประเภทมีจุดเด่นเรื่องความคุ้มครองแตกต่างกันตามลักษณะการขับขี่ของคนใช้รถ ดังนี้
มือใหม่หัดขับและรถป้ายแดง ควรเลือกประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองตัวรถจากอุบัติเหตุทุกรูปแบบ ทั้งชนแบบมีคู่กรณี และไม่มีคู่กรณี ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วมและภัยธรรมชาติ เคลมได้หมดตามเงื่อนไขและทุนประกันภัยของกรมธรรม์ เลือกซ่อมศูนย์หรือซ่อมอู่ก็ได้ตามสะดวก
เหตุผลที่ประกันชั้น 1 เหมาะกับมือใหม่และรถป้ายแดง เพราะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุมากกว่าคนมีประสบการณ์ พร้อมเฉี่ยวได้ทุกเมื่อโดยเฉพาะเคสชนแบบไม่มีคู่กรณี เช่น เสาไฟฟ้า รั้วบ้าน ฟุตปาธ ถึงแม้จะมีค่าเบี้ยสูงเฉลี่ย 10,000 บาทขึ้นไป แต่เทียบกับค่าซ่อมเข้าออกอู่บ่อย ๆ ยังไงก็คุ้มกว่าจ่ายเองแน่นอน
ใครขับรถจนชำนาญ ชนน้อย ไม่ค่อยเคลม และรถอายุเกิน 5 ปีขึ้นไป เลือกประกันรถยนต์ชั้น 2 หรือ 2+ คุ้มกว่า เพราะคุ้มครองเฉพาะอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณีเป็นหลัก แต่ยังครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วมและภัยธรรมชาติเหมือนกัน ค่าเบี้ยเฉลี่ยปีละ 6,000-10,000 บาท ถูกกว่าชั้น 1 หลายพันเลย
ความแตกต่าง: ชั้น 2+ คุ้มครองค่าซ่อมรถของผู้เอาประกันภัย แต่ชั้น 2 ธรรมดาไม่ครอบคลุมส่วนนี้ ผู้ขับขี่ต้องรับผิดชอบค่าซ่อมด้วยตัวเอง โดยชั้น 2 มีค่าเบี้ยถูกกว่า 2+ เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน
รถเก่าขับน้อยเน้นจอดอยู่บ้าน ขับไปตลาด เลือกประกันชั้น 3 และ 3+ ได้เลย ไม่จำกัดอายุ ไม่ต้องตรวจสภาพ รถเก่าระดับ 10-20 ปีทำได้ คุ้มครองความเสียหายคู่กรณีทั้งค่าซ่อมรถ ทรัพย์สินและค่ารักษาพยาบาลเฉพาะอุบัติเหตุจราจรเท่านั้น ไม่ครอบคลุมกรณีรถน้ำท่วม ไฟไหม้และสูญหาย ค่าเบี้ยประกันเฉลี่ยปีละ 2,000-7,000 บาท
ความแตกต่าง: ชั้น 3+ คุ้มครองค่าซ่อมรถของผู้เอาประกันภัยตามวงเงินไม่เกิน 200,000 บาท ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทประกันภัย ค่าเบี้ยสูงกว่าชั้น 3 ธรรมดาเล็กน้อย แต่ให้ความคุ้มครองมากกว่า
เปรียบเทียบประกันรถยนต์แต่ละชั้นแค่อย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องพิจารณาจากปัจจัย ดังนี้
อันดับแรกต้องรู้จักไลฟ์สไตล์ของตัวเองว่าเป็นคนใช้รถแบบไหน ขับกี่วัน ขับเฉพาะในเมือง หรือต้องไปหาลูกค้าข้ามจังหวัดบ่อย ๆ รวมไปถึงประสบการณ์และความชำนาญ องค์ประกอบเหล่านี้ช่วยกำหนดเพดานความคุ้มครองได้ง่าย ทำให้เซฟค่าเบี้ยประกันได้เยอะโดยไม่จำเป็นต้องเลือกความคุ้มครองแบบจัดเต็มเสมอไป
ความครอบคลุมของอู่และศูนย์บริการในเครือ ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนที่ชอบซ่อมรถใกล้บ้าน ไม่ว่าจะเอารถเข้าอู่หรือรับรถกลับบ้านก็อุ่นใจ ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายเพื่อเดินทางไปหาอู่ที่ไม่คุ้นทาง
บริการหลังการขายเป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทประกันทุกรายต้องใส่ใจ โดยเฉพาะความช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และความยากง่ายของการเคลม ถือเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ เพราะความคาดหวังของคนทำประกันคือการดูแลตามเงื่อนไขกรมธรรม์
บริษัทประกันภัยรถยนต์ที่ดีต้องมีความน่าเชื่อถือโดยเฉพาะความมั่นคงทางการเงิน เพราะลูกค้าต้องมั่นใจว่าบริษัทสามารถชดเชยความเสียหายตามกรมธรรม์ได้ และไม่มีประวัติการทำผิดเงื่อนไขจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
แม้คนขับรถจะมีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหนก็ควรทำประกันรถยนต์เอาไว้ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แถมยังช่วยลดค่าใช้จ่ายเมื่อต้องรับผิดชอบความเสียหายคู่กรณีได้ ใครกำลังตัดสินใจเปลี่ยนกรมธรรม์ให้เหมาะกับชีวิตประจำวัน heygoody มาพร้อมประกันรถยนต์จากบริษัทชั้นนำ เปรียบเทียบประกันรถยนต์และคำนวณค่าเบี้ยก่อนซื้อได้ตามต้องการ คุ้มกว่าด้วยโปรโมชันราคาพิเศษหรือเลือกผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน ทำประกันรถยนต์แบบคุ้ม ๆ ต้อง heygoody เท่านั้น
ที่มา : วิริยะประกันภัย และ autospinn
การันตีความสำเร็จ จากเวทีระดับโลก
ดูรางวัลทั้งหมด