พูดถึงเรื่องประกันเมื่อไหร่ หลายๆ คนอาจรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที เพราะดูมีรายละเอียดเยอะ ตัวเลือกเยอะ แถมยังมีข้อยกเว้นอีกเพียบ แต่ถ้าเป็นเรื่องประกันรถยนต์ บอกเลยว่า heygoody เชี่ยวชาญเป็นที่สุด วันนี้เราจะพาทุกคนไปเปรียบเทียบประกันรถยนต์แต่ละประเภทว่าแตกต่างกันยังไง สรุปมาให้แบบง่ายๆ จะได้เลือกซื้อให้เหมาะกับตัวเอง
สำหรับคนที่เพิ่งออกรถคันใหม่ อาจมองหาประกันชั้น 1 เพราะเป็นประกันที่มีความคุ้มครองสูงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณี แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประกันภัยรถยนต์ประเภทอื่นๆ แล้ว ประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็มาพร้อมกับเบี้ยประกันที่สูงกว่าด้วย heygoody ลิสต์ให้ดูว่าประกันประเภทนี้ดีกว่าประเภทอื่นยังไง
สำหรับประกันชั้น 1 ของแต่ละบริษัทอาจมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งให้ความคุ้มครองกับรถยนต์ส่วนบุคคลที่ไม่เกิน 7 ที่นั่ง และส่วนมากรถที่อายุไม่เกิน 7 ปี สามารถซื้อประกันประเภทนี้ได้ ทั้งรถใหม่และรถมือสอง ในส่วนของเงื่อนไขอาจมีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ละข้อกำหนดของแต่ละบริษัท แต่ส่วนมากนั้นมีความคุ้มครองที่เหมือนกันดังต่อไปนี้
เห็นได้ว่าประกันรถยนต์ประเภทนี้มีความคุ้มครองที่ครอบคลุม แต่ก็มีข้อยกเว้นที่บริษัทประกันส่วนใหญ่ไม่เสนอความคุ้มครองให้ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากสาเหตุบางอย่าง เช่น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของค่าเสียหายส่วนแรกที่มักถูกกำหนดอยู่ในสัญญาประกัน ส่วนมากไม่เกิน 5,000 บาท เวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วความเสียหายไม่เกินค่าเสียหายส่วนแรก บริษัทประกันจะไม่ช่วยออกค่าเสียหาย แต่ผู้เอาประกันต้องเป็นคนออกเองทั้งหมด
heygoody ขอสรุปให้ชัดๆ กันตรงนี้เลยว่า ประกันรถยนต์ชั้น 1 เหมาะกับคนที่ใช้รถบ่อย ใช้ขับทางไกล รวมไปถึงมือใหม่หัดขับ เพราะมีความคุ้มครองที่ครบถ้วน ไม่ต้องกังวลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ถึงแม้ว่าจะมาพร้อมกับเบี้ยประกันที่สูงกว่าประเภทอื่นๆ แต่เรียกว่าเหมือนได้ซื้อความอุ่นใจให้กับตัวเองไปเต็มๆ ถ้าหากอยากได้ประกันรถชั้น 1 ที่ราคาดีๆ ผ่อนชำระได้ ลองเข้ามามองหาและเช็คเบี้ยประกันรถยนต์กับ heygoody ได้นะ รับรองว่าได้ประกันที่ถูกใจแน่นอน
ถ้าหากรถยนต์มีอายุเกิน 5 ปีขึ้นไป ไม่สามารถทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ได้ แต่ยังต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมอยู่ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ นับเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด เพราะให้ความคุ้มครองทั้งในกรณีที่รถหาย ไฟไหม้ และเกิดอุบัติเหตุ โดยจะซ่อมรถให้ทั้งรถของผู้ถือประกันและรถของคู่กรณี เหมือนกับการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เลย
สิ่งที่ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ให้ความคุ้มครอง มีดังนี้
แม้ว่าประกันรถยนต์ชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมเหมือนกับประกันรถยนต์ชั้น 1 แต่มีข้อยกเว้นเช่นกัน โดยประกันรถยนต์ชั้น 2+ ไม่คุ้มครองตัวรถของผู้เอาประกันในกรณีที่ไม่มีคู่กรณี เช่น
ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความคุ้มครองเหมือนกับประกันรถยนต์ชั้น 1 แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากรถยนต์มีอายุเกิน 5 ปีขึ้นไป โดยให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม ทั้งอุบัติเหตุ ภัยธรรมชาติ ค่ารักษาพยาบาล ค่าประกันตัว และทุพพลภาพ ยังไงก็ตาม การคุ้มครองตัวรถของผู้เอาประกัน คุ้มครองเฉพาะอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีเท่านั้น
สำหรับใครที่มองหาประกันภัยรถยนต์ที่ราคาถูกลงมาหน่อย แต่ยังมีความคุ้มครองที่ค่อนข้างครบถ้วน ประกันชั้น 2 นับเป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกัน เพราะสามารถทำได้ทั้งรถใหม่ และรถที่อายุเกิน 5 ปีขึ้นไป มีค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าชั้น 1 และมีความคุ้มครองที่ใกล้เคียงกัน
เมื่อเปรียบเทียบประกันชั้น 2 กับชั้น 1 แล้ว เห็นได้เลยว่าใกล้เคียงกันมาก โดยมีข้อแตกต่างเพียงเล็กน้อยตามข้อสรุปข้างล่างนี้เลย
อย่างที่บอกไปว่ามีบางอย่างที่ประกันชั้น 2 นั้นไม่ครอบคลุม ซึ่งหลักๆ เป็นเรื่องของค่าเสียหายต่อทรัพย์สิน ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี หลักๆ นั้นมีสิ่งที่ไม่คุ้มครองตามนี้
นอกจากข้อยกเว้นเหล่านี้แล้ว ยังมีข้อยกเว้นที่เหมือนกับประกันชั้น 1 ด้วย ในกรณีที่ใช้รถยนต์ผิดกฎหมาย เมาแล้วขับ ไม่พกใบอนุญาตขับขี่และอื่นๆ ที่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งหมดด้วยเช่นกัน
หากดูจากค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าชั้น 1 รวมถึงความคุ้มครองที่ได้แล้ว ต้องบอกว่าประกันรถยนต์ชั้น 2 นั้นเหมาะกับคนที่ขับรถในระยะทางที่ไม่ไกลมาก เช่น ขับในเมือง ขับไปทำงาน แต่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุบ่อย หากคุณใช้รถทุกวัน ขับในบริเวณถนนที่มีรถเยอะ แต่อยากจ่ายค่าเบี้ยประกันที่ถูกลง ก็สามารถเลือกทำประกันประเภทนี้ได้
หากคุณมีรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป หรือมีรถยนต์ แต่ไม่ค่อยได้ใช้งาน การทำประกันรถยนต์ชั้น 3+ นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะมีค่าเบี้ยประกันที่ไม่แพงให้ความคุ้มครองความเสียหายของรถในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชน ทั้งรถของเรา และรถของคู่กรณี ทั้งยังให้ค่ารักษาพยาบาลกับผู้เอาประกันและผู้โดยสารเหมือนกับประกันชั้น 2+ เลย
ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันรถยนต์ชั้น 2+ เลย ดังนี้
แม้ว่าประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันรถยนต์ชั้น 2+ แต่มีส่วนที่ไม่ให้ความคุ้มครองเช่นกัน โดยไม่คุ้มครองความเสียหายรถในกรณีที่เกิดเหตุไฟไหม้ น้ำท่วม หรือรถสูญหาย
ประกันรถยนต์ชั้น 3+ เหมาะสำหรับคนที่มีรถยนต์อายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป หรือไม่ค่อยได้ใช้งานรถยนต์ ให้ความคุ้มครองกรณีที่ขับรถชนเท่านั้น โดยจะให้ความคุ้มครองทั้งความเสียหายรถ ค่ารักษาพยาบาล ทั้งฝั่งของผู้เอาประกันและคู่กรณีเลย ช่วยให้สามารถขับขี่รถบนท้องถนนได้อุ่นใจมากยิ่งขึ้น!
ประกันรถยนต์ชั้น 3 ถือว่าเป็นประกันที่ราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับประกันรถยนต์ประเภทอื่นๆ เนื่องจากมีความคุ้มครองที่น้อยลงมา อีกทั้งยังเหมาะกับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 15 ปี ซึ่งกรมธรรม์มักจะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม แต่อาจมีข้อยกเว้นเพิ่มขึ้น heygoody สรุปรวบมาให้ได้อ่านกันตามนี้
สำหรับใครที่มีรถคู่ใจ ใช้งานมานาน ประกันชั้น 3 เป็นตัวเลือกที่เหมาะมากๆ ความคุ้มครองอาจจะไม่ครอบคลุมเท่าประเภทอื่นๆ แต่มีข้อดีตรงที่เบี้ยประกันน้อยกว่า จ่ายง่าย สบายกระเป๋า หากต้องการความคุ้มครองอื่นๆ เพิ่มเติม สามารถซื้อแผนประกันเสริมได้
หลายๆ คนอาจคิดว่าพอเป็นประกันรถยนต์ชั้น 3 แล้ว น่าจะไม่คุ้มครองมากมายเต็มไปหมด แต่จริงๆ แล้วประกันประเภทนี้ยกเว้นความคุ้มครองไม่เยอะอย่างที่คิด นอกจากการยกเว้นความคุ้มครองในส่วนที่ผู้ขับขี่ทำผิดกฎหมายและใช้รถในทางที่ผิดกฎหมายแล้ว จะมีเรื่องของทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัย ไม่ว่ามีหรือไม่มีคู่กรณี ไม่ว่าเป็นในอุบัติเหตุ ไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติ
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 เหมาะกับคนที่ใช้รถบ่อยๆ ทุกวัน ใช้ขับระยะทางที่ไม่ไกลมาก มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้บ่อย เป็นประกันที่เหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมให้กับคู่กรณีหรือความเสียหายต่อทรัพย์สินภายนอก เพราะประกันประเภทนี้จะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่มีรถยนต์ที่อายุเกิน 15 ปี และไม่อยากจ่ายเบี้ยประกันเยอะ
ถ้าให้ heygoody สรุปง่ายๆ เมื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์ทั้ง 5 ประเภทแล้ว จะพบว่ามีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปทั้งในส่วนของความคุ้มครองต่อทรัพย์สินและผู้ขับขี่ซึ่งเป็นผู้เอาประกัน และความคุ้มครองที่มีต่อทรัพย์สินและคู่กรณี
รู้กันแบบนี้แล้วหวังว่าเหล่ากู๊ดดี้หลายๆ คนที่กำลังมองหาประกันภัยรถยนต์เล่มแรกหรือกำลังจะต่อประกัน สามารถเลือกประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสมกับตัวเองและการใช้รถได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าอยากเห็นความชัดเจนของประกันแต่ละบริษัท ก็สามารถเข้ามาเลือกซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ กับ heygoody ได้เลย เพราะสามารถเปรียบเทียบราคาประกันได้แบบเรียลไทม์ เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ได้ง่ายๆ ซื้อแบบไม่ต้องผ่านคนกลาง ได้ราคาพิเศษ แถมยังผ่อนชำระได้ 0% สูงสุด 10 เดือนด้วยนะ แบบนี้ไม่ลองไม่ได้แล้ว!